วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

รวมข่าวฟุตบอลในหลักใหญ่ที่สุดของที่สุดและยังมีข้อคิดเห็นฟุตบอลอีกมากมาย



วิเคราะห์บอลจบไปไม่กี่วัน แต่กระแส ฟุตบอลโลก กำลังจางหายไปอย่างรวดเร็วตามเทรนด์ยุคปัจจุบัน ทุกอย่างหมุนไปว่องไวปานสายฟ้าแลบ

ในช่วงก่อนที่มันจะมลายหายไปอย่างรวดเร็วมากกว่านี้ มานึกย้อนดูกันอีกสักทีว่า เวิลด์ คัพ หนนี้ มีอะไร ที่สุด อยู่ในความทรงจำบ้าง

ซึ่งแน่นอนว่าพวก ที่เก่งที่สุด หรือ ที่่ห่วยแตกที่สุด มันสามารถชี้วัดได้จากตัวเลขทางสถิติ และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ใครๆ เขาก็เล่นกันไปหมดแล้ว

ดังนั้นที่สุด ณ จุดๆ นี้ จึงสมควรวัดด้วย อารมณ์ ล้วนๆ ส่วนจะถูกใจใครหรือขัดใจใครหรือไม่นั้น เลื่อนเม้าส์ไม่ใช่หรือหน้าจอมือถือของท่านเพื่อทัศนาโดยพลัน

ได้รับคำชมมากที่สุด : ทีมชาติเยอรมัน


จะให้กล่าวชม หลุยส์ ซัวเรซ ว่า กัดเก่ง หรือจะให้ชม มาริโอ บาโลเตลลี่ ว่า กากเก่ง มันก็คงจะไม่ใช่ แม้ลึกๆ แล้วคงจะได้ใจคอลูกหนังสายพันธุ์ซาดิสม์ไม่น้อยก็ตาม

แต่ที่มีขึ้นขึ้นกับ ฟุตบอลโลก 2014 เชื่อเหลือเกินว่า อินทรีเหล็ก สมควรได้รับคำชมมากที่สุด และต้องชมกันตั้งแต่ผู้บริหารลงมายันถึงคนขับรถรับ-ส่งเลยด้วยซ้ำ หลังการบริหารจัดการของพวกเขาใกล้เคียงกับคำว่า สมบูรณ์แบบ มากที่สุด


แคมป์ฟุตบอลเมื่อ 10 ปีที่แล้วผลิดอกออกดอกออกผลเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกที่พวกเขาต้องการ

นับตั้งแต่วันแรกกับการที่เลือกจุดตั้งแคมป์เก็บตัว, ด้วยเงินลงทุนที่มหาศาล เพื่อสร้างศูนย์ฝึกบนแผ่นดินบราซิล และการเดิมพันวางรากฐานนับ 10 ปีเพื่อคว้าแชมป์หนนี้

โดนด่ามากที่สุด: เฟร็ด - ฮัลค์ - โช


(กาก)

ทำเอาไอ้ 2 คนจากหัวข้อข้างบนอย่าง ซัวเรซ และ บาโลเตลลี่ เปลี่ยนแปลงเป็นประเด็นล้อกันขำๆ ไปเลย เพราะนี่คือบราซิเลียนบอยแบนด์

1.เฟร็ด,2.ฮัลค์,3.โช  3ไตรเทพซึ่งเข้าสู่ทัวร์นาเมนท์ด้วยคำถามว่า ดีพอ กับการเป็นแกนนำถล่มตาข่ายให้กับเจ้าภาพจริงๆ อย่างนั้นหรือ

และก็ปรากฏว่าหลายคน หลายสำนัก ตั้งคำถามแม่นยำประดุจหนึ่งมองเห็นภายหน้าล่วงหน้าอย่างไรอย่างนั้น เมื่อทั้ง 3 คนร่ายมนต์ลูกหนังสะกดจิตคนดูให้สามารถ ด่า พวกเขาได้ตลอดทั้งเกม


ยืดอกภูมิใจได้มากที่สุด: มาริโอ เกิทเซ่


หากไม่เกิดประตูที่สยบ ทีมอาร์เจนติน่า ในรอบชิงมีชัยเลิศ ทัวร์นาเมนท์นี้ของไอ้หนูมหัศจรรย์ก็อาจจะเป็นความทรงจำที่อยากจะลบลืม หลังแทบจะทุกครั้งที่ถูกเปลี่ยนตัวลงสนาม เกิทเซ่ มักจะไม่เอาอ่าวเอาทะเลอะไรทั้งนั้น

ตั้งแต่แมตช์แรกๆ ในรอบแบ่งกลุ่ม เกิทเซ่ มักจะถูกส่งลงมาในฐานะตัวพลิกเกมเสมอๆ ซึ่งก็ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะออกแนวทำให้ผิดหวังมากกว่าสมหวัง


ดังแล้วคราวนี้ล่ะ Judo ไปทั่วโลกเบย

ประตูทองในคืนวันนั้นทำให้ เกิทเซ่ ยืนเก๊กปล่อยให้กล้องโทรทัศน์ทำหน้าที่ของมันด้วยการฉายภาพเขายืนเด่นเป็นสง่าในฐานะฮีโร่ผู้บันดาลแชมป์ให้กับ เยอรมัน หักล้างผลงานย่ำแย่ก่อนหน้านั้นไปจนหมดสิ้น

อับอายขายหน้ามากที่สุด: ทีมชาติบราซิล


เบาๆ อย่าบอกใครล่ะ 2 นัด 10 ลูก กูอาย

เรียกกันได้ว่านัดแรกยันนัดสุดท้ายจริงๆ สำหรับ เซเลเซา หลังเปิดหัวคว้าชัยชนะด้วยเสียงปริศนาจากปลายนกหวีด ก่อนจะอำลาทัวร์นาเมนท์ด้วยสถิติยันเยินที่สุดครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของพวกเขา

เริ่มที่ ฟุตบอลโลก 2014 เหมือนถูกสร้างมาเป็นบันไดให้ บราซิล เหยียบขึ้นไปสู่บัลลังก์ราชาลูกหนังโลก ไหนจะได้เป็นเจ้าภาพ ไหนจะเพิ่งได้แชมป์ คอนเฟเดอเรชั่นส์ คัพ แล้วยังมีนักเตะตัวความหมายมุ่งอย่าง เนย์มาร์ ผู้ซึ่งผลงานในบ้านไม่เป็นรองใคร


อวสานเนย์มาร์ อวสานบราซิล

ที่ไหนได้ บราซิล มีจุดขายแค่นั้นจริงๆ หากปราศจากองค์ประกอบเหล่านั้นแล้วพวกเขาก็ไม่ได้เหนือกว่าหรือจะบอกว่าด้อยกว่าเลยยังได้ด้วยซ้ำ ความพ่ายแพ้ 1-7 ในรอบตัดเชือก และ 0-3 ในรอบชิงอันดับ 3 ก็ยิ่งตอกย้ำให้ต้องอับอายขายหน้ามากขึ้นไปอีก

ช็อคใจแฟนบอลมากที่สุด: เนย์มาร์


วินาทีที่ดาวรุ่งตัวความหวังสูงสุดของแฟนๆ เจ้าถิ่นถูกตีเข่าดังพลั่กอัดเข้าไปกลางแผ่นหลัง หัวใจของคอลูกหนังชาวแซมบ้าคงหล่นวูบร่วงตุ้บลงไปกองอยู่ตรงตาตุ่ม

ไม่ใช่แค่สงสารแต่ยังเสียใจกับเจ้าตัวที่ต้องปิดฉากทัวร์นาเมนท์อย่างน่าเสียดาย แต่ เนย์มาร์ หวุดหวิดจะเป็นอัมพาตและต้องปิดฉากจากวงการอย่างถาวรเลยด้วยซ้ำหาก เข่า กระแทกกระดูกสันหลังเหนือขึ้นจากตำแหน่งเดิมอีกเพียงนิดเดียว

นับว่าเป็นอีกครั้งที่อาการบาดเจ็บพรากเอาสีสันสวยงามไปจากการแข่งขัน แต่เคราะห์ดีที่สีสันนั้นยังแค่จางหายไปเฉยๆ และกำลังนับถอยหลังรอวันกลับมาเฉิดฉายอีกคำรบหนึ่ง

ซอร์ไพรส์สุดๆ : กับฮาเมส โรดริเกซ 


เรียกได้ว่าเป็น ม้ามืด จริง ๆ สำหรับทัวร์นาเมนท์คราวนี้ หลังแรกเริ่มเดิมทีก็ไม่ได้มีใครชายตาแล โคลอมเบีย แต่กลับกลายเป็นว่าพลพรรคขุนพลลูกหนัง โคเคน และโดยเฉพาะ ฮาเมส โรดริเกซ กลับแจ้งเกิดกันอย่างเต็มตัว

ตลอดทั้งฤดูกาลที่ผ่านมากับ โมนาโก กองกลางดาวรุ่งแทบไม่ได้แสดงทีเด็ดอะไรให้เห็นมากมายสักเท่าไหร่ ประกอบกับ ราดาเมล ฟัลเกา ซุป'ตาร์ตัวจริงก็ดันเดี้ยงจนไม่ได้ติดทีมมาด้วย โคลอมเบีย ล่วงถูกมองเป็นไม้ประดับ แต่ดันทะลึ่งมีหนาม แถมยังคมกริบอีกต่างหาก

ถือเป็นโชคร้ายที่ โคลอมเบีย ตกรอบด้วยฝีเท้าของทีมน่าผิดหวังอย่าง บราซิล ทั้งที่พวกเขาถือเป็นฝ่ายที่ทำผลงานได้ดีกว่า เพียงแต่โชคและวาสนายังส่งไปไม่ถึงก็เท่านั้น

ฉาวที่สุด: หลุยส์ ซัวเรซ


ฟ.ฟันฉันรักเธอ!! นี่มันครั้งที่ 3 เข้าไปแล้ว แต่ ซัวเรซ ก็ดูจะไม่ได้หลาบจำกับการกระทำสุดดิบเถื่อนของตัวเองสักเท่าไหร่ แม้ว่ามันจะเคยทำให้เขาถูกสังคมประณามและวงการลูกหนังสั่งลงโทษอย่างหนักมาแล้วก็ตาม

เมื่อหัวหอกของทีมชาติอุรุกวัยกัดไหล่ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ เอาดื้อๆ แบบไม่มีสาเหตุ แถมยังกล้าๆ แก้ต่างว่าไม่ได้กัด แต่ต้องใช้ปากยันหลักเพราะกำลังเสียการทรงตัวเท่านั้น

โธ่ ถุยยยย... จมเขี้ยวขนาดนั้น และถึงกับว่าต้นสังกัดใหม่อย่าง บาร์เซโลน่า ต้องระบุไว้ในสัญญาเลยว่าจะปรับเงินมหาศาลหลัก 3 ล้านยูโร หาก ซัวเรซ ยังกล้าๆ สติหลุดวิ่งไล่กัดชาวบ้านชาวช่องเข้าอีก

แย่งซีนมากที่สุด: WAGS ทีมชาติเยอรมัน


รวมซูเปอร์โมเดลชัดๆ

เรียกได้ว่าเมื่อสิ้นเสียงนกหวีดยาวบันดาลสภาพแชมป์โลกให้กับ เยอรมัน กล้องทุกตัว สายตาทุกคู่ และความสนใจทั้งหมดต่างก็พุ่งตรงไปยังผองแข้ง อินทรีเหล็ก เพื่อร่วมซึมซับอารมณ์ผู้ชนะจากพวกเขา


แฟนแดร็กเลอร์...อืม...ผมรู้คุณก็คิด

แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นที่บรรดา แฟนและภรรยา ปรากฏตัว กล้องทุกตัว สายตาทุกคู่ และความสนใจทั้งหมดทั้งมวลก็ยักย้ายไปจับจ้องกลุ่มแม่บ้านเมืองเบียร์อย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย


ชวนฮามากที่สุด: ฮเลฮานโดร ซาเบย่า


ง่วงก็ไปนอน

นับตั้งแต่ถูก เอเซเกล ลาเวซซี่ ฉีดน้ำใส่กลางกบาลขณะกำลังติวแท็กติกอยู่ตรงเส้นข้างสนาม วินาทีนั้น ซาเบย่า ก็เหมือนถูกกำหนดให้เป็น จ้าวแห่งความฮา ประจำทัวร์นาเมนท์ไปแล้ว

มุขแรกถือว่าเป็นตลกอุปกรณ์ที่ต้องใช้ ลาเวซซี่ เข้ามาช่วยด้วย แต่ดอกที่ 2 กุนซือ ฟ้า-ขาว ไม่ต้องพึ่งพิงพาใครทั้งนั้น หลังแสดงท่า ล้มทั้งยืน เล่นเอาฮากระจายกันไปทั่วโลก


โดนเอาไปล้อซะขำกันทั่วโลก

แม้กระทั่งเวลาที่เครียดที่สุดอย่างช่วงต่อเวลาพิเศษรอบชิงชนะเลิศ ซาเบย่า เรียกรวมตัวลูกทีม แต่ดันไม่มีใครสนใจและกลับกลายเป็นเจ้าตัวที่ต้องค่อยๆ ไล่ บอกแท็กติกให้กับลูกทีมแต่ละคนๆ ... นี่มันจะเคารพกันบ้างได้มั้ยเนี่ย

ชวนซึ้งมากที่สุดสำหรับหลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่


ถือว่าเป็นอีก 1 กุนซือที่มีได้โมเมนต์เจ๋งๆ ให้ได้ตรึงตราใน ฟุตบอลโลก 2014 แม้ว่าทีมของแกจะแหลกเป็นจุลจากผลงานและกระแสวิจารณ์ของสังคมก็ตาม

หลังจบแมตช์แพ้กราวรูด 1-7 กุนซือ เซเลเซา ตระเวนปลอบใจลูกทีมทุกคนทั้งจากม้านั่งสำรองและที่ค่อยๆ เดินออกจากสนาม ท่าตีอกชกตัวของเทรนเนอร์หนวดหิน และบทสัมภาษณ์ว่า ขอรับไว้คนเดียว แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และหัวจิตหัวใจของแกได้ดีจริงๆ

ไม่แปลกที่งานแถลงข่าวครั้งสุดท้ายนักเตะหลายคนจะแห่แหนกันออกมาให้กำลังใจ เฟลิเปา และโดยเฉพาะกับ เนย์มาร์ ซึ่งถึงกับแบกสังขารเดี้ยงๆ บุกมาให้กำลังใจเจ้านาย เจ้านายซึ่งเปรียบเสมือนพ่อในวงการลูกหนังของเขา ติดตามข่าวเพิ่มเติมได้ที่  http://footballclubpza.blogspot.com/





ใจนายหล่อมากๆ เมื่อเมซุต โอซิล เผยว่า เตรียมช่วยเหลือเด็กป่วยในแดน แซมบ้า เพิ่มเป็น 23 คน หลัง อินทรีเหล็ก คว้าแชมป์โลกสำเร็จ โดยก่อน เวิลด์คัพ'14 จะเริ่มต้นขึ้น ได้ช่วยมาแล้วไป 11 คน

โดยที่ เมซุต โอซิล มิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมัน ของ อาร์เซน่อล ยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมาเปิดเผยว่า ก่อนศึกฟุตบอลโลก 2014 จะเริ่มต้นขึ้น ตนเองได้บริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ในบราซิล ที่ป่วยและต้องเข้ารับการผ่าตัด 11 รายด้วยกัน และมีแผนที่จะบริจาคเพิ่มเป็น 23 คน หลังจากทัพ อินทรีเหล็ก คว้าแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จ

หลังจากจอมทัพเลือดเบียร์วัย 25 ปี ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน เฟสบุ๊ก ส่วนตัวระบุว่า ก่อนที่ ฟุตบอลโลก จะเริ่มต้น ผมได้ให้การสนับสนุนเด็กป่วย 11 คนใน บราซิล ให้ได้รับการผ่าตัด และตั้งแต่เราคว้าแชมป์โลกมาครองได้ ตอนนี้ผมกำลังวางแผนจะช่วยเหลือเพิ่มอีกเป็น 23 คน

นอกจากนี้ยังมีข่าวลือออกมาว่า โอซิล ได้บริจาคเงินให้กับองค์กรที่ดูแลเรื่องความรุนแรงของฉนวนกาซา อีกด้วย แต่ล่าสุดเอเยนต์ส่วนตัวของกองกลางตาโปน ก็ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว โดยระบุว่า ข่าวที่อ้างว่า เมซุต ได้บริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือกาซา นั้นไม่เป็นความจริง ตอนนี้เขากำลังอยู่ในช่วงพักร้อน แต่ก็ไม่แน่นะ ในอนาคตเขาอาจจะทำก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ?

ทั้งนี้ จากชัยชนะใน เวิลด์คัพ'14 ทำให้นักเตะข้าวของทัพ อินทรีเหล็ก จะได้รับเงินโบนัสคนละ 300,000 ยูโรหรือ13.5 ล้านบาท






เมเนเซส เชื่อว่า วงการลูกหนังแซมบ้ากำลังเจอกับทางตัน หาคนมาคุมทัพ ''เซเลเซา'' ยากขาดบุคลากรมาพัฒนานักเตะให้เล่นเข้าทีม และเสียความเป็นมหาอำนาจให้กับยุโรปไปแล้ว


ทันทีที่มาโน่ เมเนเซส อดีตกุนซือทีมชาติบราซิลยอมรับว่า วงการลูกหนังแดนแซมบ้าเดินทางมาถึงทางตันแล้ว และคงยากที่จะหาใครมารับหน้าที่แบกความหวังคนทั้งชาติอีก แถมยังเสียสภาวะความเป็นชาติมหาอำนาจให้กับทีมจากยุโรปที่มีวิทยาการอันก้าวหน้าไปแล้ว หลังโดนถลุงยับ 2 เกม 10 ประตู ในเวิลด์คัพ 2014 รอบรองชนะเลิศกับเยอรมัน และรอบชิงอันดับ 3 กับฮอลแลนด์

ซึ่งได้โดนสหพันธ์ฯ ไล่ออกเมื่อปลายปี 2012 อื้นว่า เรารู้ว่า ปัญหาของเราคืออะไร แต่เราไม่รู้ว่าจะแก้อย่างไร เพราะเราขาดคนที่มีความสามารถ ไม่มีคนที่มีความรู้พอจะเข้าใจว่า เราต้องเดินไปทางไหน นี่คือสิ่งที่ฟุตบอลบราซิลขาดไป แต่ถ้าเราทำได้ ผู้จัดการทีมจะอยู่กับเรานานกว่านี้ และจะช่วยพัฒนานักเตะได้มาก

เราปฏิเสธการที่จะยอมรับความจริงมานานแล้วว่า เทคนิคของนักเตะเราแย่ลง การควบคุมลูกบอลของเราก็แย่ บางทีผู้คนก็สับสนระหว่างการเล่นตลกกับการเล่นฟุตบอล ซึ่งมันแตกต่างกัน ตอนนี้ฟุตบอลยุโรปพัฒนาไปมากแล้ว พวกเขามีทุกอย่างที่ดีกว่าเรา เมเนเซส กล่าว

กุนซือโครินเธียนส์ ยังเชื่อว่า โปรแกรมบอลหรือเคล็ดลับที่ทำให้เยอรมันประสบความสำเร็จคือการทำงานเป็นทีม ใช้ทีมเวิร์ค ผิดกับบราซิลที่ยังพึ่งพาแต่ความสามารถเฉพาะตัว โดยเพิ่มเติมว่า เรายังเชื่อในความสามารถส่วนตัวของนักเตะเพียงอย่างเดียว แต่เราไม่รู้จะพัฒนานักเตะร่วมกันอย่างไร นั่นคือสิ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น