วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ผลบอลเอ่ยได้ว่ากลายเป็นหมายถึงหนังคนละขมวดเพราะศึกพรีเมียร์ลีก

เรียกได้ว่ากลายเป็นหนังคนละม้วน




เมื่อฤดูกาลที่แล้วเป็นการขับเคี่ยวลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกถือว่าตื่นเต้นและคู่คี่สูสีที่สุดครั้งหนึ่งเท่าที่เคยมีมา ชนิดที่ว่ากว่าจะเหลือแคนดิเดตสองทีมที่ได้ชิงดำกันจริงๆ ก็แทบจะไม่กี่นัดสุดท้ายแล้ว

แต่ว่าการวางมือของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจบฤดูกาล 2012 - 2013 ได้สร้างแรงกระเพื่อมระลอกใหญ่ต่อโฉมหน้าของการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกเลยทีเดียว

ซึ่งในระหว่างฤดูกาลที่แล้ว สำหรับตำแหน่งจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีกมีการเปลี่ยนมือถึง 25 ครั้ง เมื่อเทียบกับแค่ 4 ครั้ง ในฤดูกาลก่อนหน้านั้น และถือเป็นการเปลี่ยนทีมนำบนหัวตารางมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของรายการ รองจาก 29 ครั้งในฤดูกาล 2001 - 2002

โดยหลังจากที่หมดยุคของ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การกุมบังเหียนของ โค้ชอย่างเฟอร์กี้ เดวิด มอยส์ และไม่สามารถประคับประคองทีมชุดแชมป์ให้คงผลงานเอาไว้ได้ ผลก็คือปิศาจแดงทำผลงานกระท่อนกระแท่น จนกลายเป็นทีมที่หมดลุ้นแชมป์ไปอย่างรวดเร็ว

ซึ่งนั่นเท่ากับทำทีมลุ้นแชมป์ทีมอื่นๆ หมดคู่แข่งไปหนึ่ง และเป็น ทีมอาร์เซนอลที่เริ่มออกตัวได้แรงกว่าใครในโค้งแรก ถือเป็นปีที่ปืนใหญ่ยืนระยะรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีเอาไว้ได้ยาวนานกว่าที่เคย แต่สุดท้ายอาร์แซน เวนเกอร์ก็รับมือกับปัญหานักเตะตัวหลักๆ เจ็บ และผลงานที่ดร็อปลง ในที่สุดไม่ไหว จนต้องกลับมาลุ้นท็อปโฟร์เหมือนเคยเมื่อผ่านเข้าผ่านสู่ช่วงควอเตอร์สุดท้ายของฤดูกาล




สำหรับทีมเชลซีที่ได้โค้ชอย่าง โจเซ่ มูรินโญ่ นั้นกลับมาคุมทีมอีกครั้ง ตั้งความหวังไว้สูงเช่นกัน และยอดกุนซือแสบก็นำทีมสร้างผลงานได้อย่างคงเส้นคงวาที่สุดทีมหนึ่งในปีที่แล้ว เพราะป้วนเปี้ยนอยู่ระหว่างอันดับ 1 - 4 ถึง 37 จาก 38 นัด แต่แม้จะเบียดขึ้นมาครองจ่าฝูงได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และ เดือนมีนาคม

เพียงแต่ว่าการกาวิเคราะห์บอลสะดุดแพ้ถึง 3 จาก 6 นัดในช่วงโค้งสุดท้าย ก็ทำให้ ทีมสิงห์ครามหลุดวงโคจรไป

ตามมาด้วยทีมลิเวอร์พูล ที่ได้กลายเป็นทีมที่สร้างเซอร์ไพรส์ได้มากที่สุด เมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ ได้ระเบิดฟอร์มออกมาอย่างพีกสุดๆ ส่วนนักเตะคนอื่นๆ ก็โชว์ฟอร์มกันได้อย่างดี ทำให้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นำทีมลุ้นแชมป์ได้อย่างเต็มตัว หลังจากไม่ได้อยู่ตรงจุดนี้มานานหลายปี

ซึ่งการที่ชนะ 11 นัดรวด ในระหว่างนัดที่ 25 - 35 ของฤดูกาล ทำให้ทีมหงส์แดงกุมความได้เปรียบเอาไว้ในมือ ก่อนที่การลื่นแห่งฤดูกาลของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในเกมกับ ทีมเชลซี จะกลายเป็นจุดพลิกผันขึ้นในที่สุด



ตามมาด้วยทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ค่อยๆ ทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แม้จะได้ขึ้นไปแตะจ่าฝูงแค่ไม่กี่นัดก่อนหน้านั้น ก็ได้กลายเป็นตาอยู่หยิบชิ้นปลามันไปกิน จากการชนะรวดใน 5 นัดสุดท้าย และการขึ้นนั่งจ่าฝูงเพียงแค่ 3 เกมหลังสุด ก็เพียงพอสำหรับ ที่ทีมเรือใบสีฟ้าที่จะแล่นเข้าสู่เส้นชัย ปล่อยให้หงส์แดงต้องชอกช้ำ เพราะดันไปเสมอ ทีมคริสตัล พาเลซ 3-3 ในนัดรองสุดท้าย ทั้งที่นำห่าง 3-0 ก่อน

และฤดูกาลนี้หลายคนวาดภาพว่าการขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ฟุตบอลคงจะสนุกตื่นเต้นและเร้าใจไม่แพ้ปีก่อน เพราะแต่ละทีมน่าจะมาปล่อยของกันเต็มที่กว่าเดิม และ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ก็น่าจะกลับมาร่วมวงได้ หลังจากได้กุนซือมือดีอย่าง หลุยส์ ฟาน ฮัล เข้ามากอบกู้

โดยที่โค้ช มานูเอล เปเญกรินี่ ที่พา ทีมแมนฯ ซิตี้คว้าดับเบิ้ลแชมป์พรีเมียร์ลีกและลีกคัพตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาคุมทีม คงจะมีดีอะไรมาโชว์ให้เห็นกันอีก ส่วน ทีมอาร์เซนอล ที่ปลดล็อกแชมป์แรกในรอบ 9 ปีได้ ก็คงจะมั่นใจมากขึ้นในการกลับมาแก้มือในปีนี้

ซึ่งทีมลิเวอร์พูล ดูจะต้องลุ้นมากกว่าเพื่อนเพราะเสียหัวใจหลักของทีมอย่างซัวเรซไป แต่ผลงานของร็อดเจอร์สที่ทำไว้ในปีก่อนจนได้รับคำชมอย่างมาก ก็น่าจะทำให้ ทีมหงส์แดงสานต่อฟอร์มที่ดีเอาไว้ได้

ซึ่งทีมที่รอเสียบเข้าท็อปโฟร์อย่าง ทีมสเปอร์ส และ ทีมเอฟเวอร์ตัน ก็น่าจะเป็นตัวแปรให้การลุ้นสนุกขึ้นเช่นเดียวกับปีที่แล้ว

เพียงแต่ว่า เมื่อเอาเข้าจริงๆ หลังจากผ่านไปแค่ 11 นัดแรกของฤดูกาลนี้ ทีมเชลซี กลับกลายเป็นเต็งหามที่จะเข้าป้ายแชมป์แบบนอนมาไปซะแล้ว เมื่อ โค้ชมูรินโญ่ที่เข้ามาปรับจูนทุกอย่างจนเข้าที่แล้วเมื่อปีก่อน นำทีมสร้างผลงานได้อย่างเด็ดขาดในปีนี้




สำหรับทีมสิงห์ครามนั้น นั่งแป้นจ่าฝูงมาตั้งแต่แข่งนัดแรกจบ และไม่ยอมลงจากบัลลังก์เลยจนถึงตอนนี้ ด้วยสถิติชนะ 9 เสมอ 2 ขณะที่คู่แข่งทีมอื่นๆ ไม่เข้ารกเข้าพง ก็ยืนระยะโชว์ฟอร์มสวยๆ ได้แต่ 2-3 นัด ก็เหี่ยวปลายตายธรรมชาติไปชนิดที่นกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำ

สถานการณ์ของทีมแมนฯ ยูไนเต็ด นั้นไม่ฟื้นกลับมาอย่างที่หลายคนคาดหวัง จน ฟาน ฮัล เองยังต้องออกมายอมรับว่าตัดสินใจพลาด ที่มัวแต่คิดเรื่องจะทดลองระบบใหม่ๆ กับทีม ทั้งที่นักเตะไม่คุ้นเคยและปรับตัวไม่ได้กับระบบของเขา

ทางด้าน อาร์เซ เวนเกอร์ ได้ถอดใจไวกว่าเพื่อน ยอมยกธงขาวว่า ทีมอาร์เซนอล หรือ ทีมไหนๆ ก็คงไม่มีปัญญาแย่งแชมป์กับ ทีมเชลซีได้ในปีนี้ หลังโดนปัญหานักเตะเดี้ยงระนาวเล่นงานแต่หัววัน ส่วนคนที่ไม่เจ็บก็ดันทำฟอร์มเก่งหายไปหมด

ตัวของ ร็อดเจอร์ส เองนั้นก็โดนไปอ่วมจากฟอร์มการเล่นของทีมที่แตกต่างจากปีก่อนมาก หลังจากที่กุนซือหงส์แดงโดนสับเละที่ไม่มีปัญญาเลือกตัวแทนของซัวเรซได้ดีไปกว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่ยังทำอะไรได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลยนับตั้งแต่ย้ายมา




และในขณะที่โปรแกรมบอล ทีมแมนฯ ซิตี้ ที่ทำท่าเหมือนจะมาดีสมศักดิ์ศรีแชมป์เก่า ก็ไม่มีอะไรเปรี้ยงปร้าง แถมฟอร์มยังดร็อปลงไปอย่างเห็นได้ชัด เมื่อดาวเตะตัวหลักๆ โชว์ฟอร์มกันไม่ออก แถมปัญหาในการลงเตะแชมเปี้ยนส์ลีกที่ทีมทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง ก็ดูจะส่งผลกระทบมาถึงฟอร์มในลีกของทีมด้วย

ซึ่งเดินทางมาจนถึงตอนนี้ภาพของการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้จึงผิดกับที่หลายคนวาดเอาไว้มาก เพราะถ้าไม่เกิดอาเพศอะไรขึ้นมากับเชลซี ก็ยังมองไม่เห็นว่าใครจะมาหยุดสิงโตสีครามได้อยู่

สำหรับ ทีมเซาธ์แฮมป์ตัน ที่กลายเป็นทีมม้ามืดที่ฟอร์มพุ่งแรงแบบเซอร์ไพรส์ ทั้งที่เสียทั้งดาวเตะดังๆ และกุนซือฝีมือดีไปในช่วงซัมเมอร์ แถมยังออกสตาร์ตฤดูกาลได้แบบง่อนแง่นเต็มที

เพียงแต่หลังจากนั้น ทีมนักบุญก็ชนะอย่างต่อเนื่องด้วยฟอร์มการเล่นที่มีคุณภาพ และกลายเป็นทีมที่ทำแต้มไล่บี้ทีมเชลซีมากที่สุด โดยตามหลังแค่ 4 คะแนนเท่านั้น




ตามมาด้วยทีมเวสต์แฮมที่ต้องร่วมวงหนีตกชั้นอยู่พักใหญ่เมื่อปีก่อน เป็นอีกทีมที่ออกสตาร์ตแย่แต่มาฟอร์มดีในช่วงหลัง และขึ้นมาติดท็อปโฟร์เฉย ยังไม่รวมสวอนซีที่อยู่ที่ 5 และ ทีมนิวคาสเซิลที่มาโกยคะแนนในนัดหลังๆ จนขยับจากทีมบ๊วยขึ้นมาอยู่ที่ 8 แล้ว

ซึ่งทั้ง ทีมอาร์เซนอล, ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด และ ทีมลิเวอร์พูล นั้นยังอยู่นอกกลุ่มท็อปโฟร์ และดูจากแต้มที่โดนทิ้งห่างกัน 10 กว่าคะแนนขึ้นไปแล้ว คงจะไปฮึดไปเบียดแย่งแชมป์กับ ทีมเชลซี ยากเต็มที เหลือก็แค่ ทีมแมนฯ ซิตี้ ที่ยังพอได้ลุ้นอยู่ แต่ก็คงต้องเค้นฟอร์มที่ดีกว่านี้มากๆ ออกมา และต้องลุ้นให้ ทีมเชลซีฟอร์มหลุดกระจุยกระจายด้วย

และถ้าหากจะพูดได้ว่าคงยากที่จะเห็นมูรินโญ่ปล่อยให้ความได้เปรียบขนาดนี้หลุดมือไป และถ้าไม่มีจุดพลิกผันที่มโหฬารจริงๆ การลุ้นแชมป์ไฮไลท์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกปีนี้คงจะกลับไปจืดชืดเหมือนเดิม และความมันน่าจะอยู่ที่การลุ้นอันดับท็อปโฟร์กันมากกว่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น